ประวัติ วัดสว่างอารมณ์

    ในสมัยตอนตั้งหมู่บ้านใหม่ๆ  หลังจากชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  จากสภาพการต่างๆ ที่ผ่านมาสมาชิกในทั้งหมดหมู่บ้าน  มีจิตใจเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  ในสมัยนั้นการดำเนินการในพระพุทธศาสนาหรือการทำบุญตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่เคยยึดถือปฏิบัติมา  และเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจมาตลอดนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก  จะทำบุญแต่ละครั้งต้องเดินทางไปที่หมู่บ้านใกล้เคียงจึงเป็นการไม่สะดวกในกาลต่างๆ

      จึงได้มีการจัดตั้งวัดครั้งแรกมางด้านทิศใต้ของหมู่บ้าน  อาศัยที่สาธารณะประโยชน์เป็นที่ตั้ง  เพราะสมัยก่อนนั้นกฎหมายที่ดินยังไม่เคร่งครัด    ชาวบ้านเรียกที่ตรงนั้นว่า   “ ดอนหัวซา “     ครั้นมีการตั้งวัดขึ้นก็ถือเอาที่ตรงนั้น    เรียกว่า      “ วัดดอนหัวซา ”    ตามพื้นที่  โดยมีหลวงปู่ลุน เป็นเจ้าอาวาสในสมัยนั้น

       เมื่อ   พ.ศ. ๒๔๓๗   ได้มีการย้ายวัดจากดอนหัวซา  ขึ้นมาตั้งวัดใหม่อยู่ที่ใจกลางของหมู่บ้าน ชื่อ  “ วัดสว่างอารมณ์ “ 

       วันที่  ๒๑  มิถุนายน  พ.ศ. ๒๕๓๔   ได้รับพระราชธานวิสุงคามสีมา  ที่ถูต้องตามมติมหาเถรสมาคม  สังกัดมหานิกาย   มีพื้นที่   กว้าง  ๒๐  เมตร   ยาว  ๔๐  เมตร

ที่ดิน  ๖   ไร่    ๙  ตาราวา  ( นส ๔ จ. )
โดยมีอาณาเขตดังต่อไปนี้

ทิศหนือ                         จด     ถนนสาธารณะประโยชน์   
ทิศใต้                            จด     ถนนสาธารณะประโยชน์  
ทิศตะวันออก                   จด     ที่ว่างเปล่า
ทิศตะวันตก                     จด     ถนนสาธารณะประโยชน์

      ในสมัยนั้นยังไม่มีเสนาสนะ  เพื่อใช้ในการประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา  ด้วยขาดปัจจัยหลายอย่าง  แต่ด้วยศรัทธาแรงกล้าของชาวบ้าน  จึงได้ร่วมแรงร่วมใจร่วมศรัทธาสามัคคี  ให้มีการสร้างเสนาสนะขึ้นในพระพุทธศาสนา

         ในปี   พ.ศ. ๒๕๒๖    ได้มีการสร้างศาลาการเปรียญขึ้น  ๑ หลัง   กุฏิอีก  ๒ หลัง    และในปี   พ.ศ. ๒๕๓๓   ได้มีการสร้างอุโบสถ  (สิม)  ขึ้นมาอีก  ๑  หลัง 

      ซึ่งในสมัยที่  ๙  คือหลวงปู่หลิน  ชาครธมฺโม  ท่านมีคณะศิษย์ยานุศิษย์มากมาย  หนึ่งในนั้นก็มีพระอาจารย์  ปัญญา  โชติธมฺโม  ซึ่งอยู่จำพรรษาปฏิบัติอุปฐากมาโดยตลอด   จนถึงเมื่อวันที่   ๒๘  เดือน กันยายน  พ.ศ. ๒๕๓๘   หลวงปู่หลินได้มีอาการอาพาธ  และได้มรณภาพ  คณะศิษย์ยานุศิษย์ได้จัดงานฌาปนกิจศพอย่างสมเกียรติ  ถวายแด่หลวงปู่จนสิ้นสุด  เป็นวาระสุดท้าย

       วันที่   ๑๐  เดือนกันยายน  พ.ศ.๒๕๔๐    พระอาจารย์ปัญญา  โชติธมฺโม     ได้รับมติความเห็นชอบจากทางคณะสงฆ์แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส วัดสว่างอารมณ์   ต่อมาประมาณกลางเดือน  ตุลาคม  พ.ศ.๒๕๔๐  ทางคณะสงฆ์โดยพระอาจารย์ปัญญา  โชติธมฺโม  ได้ปรึกษาหารือกับชาวบ้านดอนจิก  เพื่อหามติความเห็นชอบให้รื้อศาลาการเปรียญหลังเก่าด้วยเห็นว่า  ศาลาหลังเก่านั้นมีขนาดคับแคบ  อีกทั้งยังเสื่อมสภาพและทรุดโทรมลงตามกาลเวลาที่ก่อสร้างมา  อันเป็นการไม่สะดวกในการประกอบศาสนพิธีต่างๆ  และหลังจากการเห็นชอบร่วมกันแล้ว   เมื่อวันที่  ๒๘  เดือน พฤศจิกายน  พ.ศ.๒๕๔๐  ก็ได้ทำการรื้อถอนศาลาการเปรียญหลังเก่า  และเมื่อวันที่  ๑  เดือน มกราคม  พ.ศ.๒๕๔๑  ก็ทำการก่อสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ขึ้น  โดยมีขนาด   กว้าง  ๑๕  เมตร   ยาว  ๓๐  เมตร  ตามรูปแบบความนิยมในปัจจุบัน

       ปัจจุบันนี้นับได้ว่า  พุทธศาสนิกชนชาวบ้านดอนจิก ได้มีจิตใจเลื่อมใสศรัทธาทำนุบำรุงปฏิบัติอุปฐากในพระพุทศาสนามีความสามัคคีพร้อมเพรียงอย่างเห็นได้ชัด  เพื่อจรรโลงไว้  ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามมาตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบัน

 
(ลำดับเจ้าอาวาสตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน)
มีเจ้าอาวาสมาแล้ว   ๑๐  รูป      ลำดับเจ้าอาวาสตั้แต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  ดังนี้
๑.  หลวงปู่ลุน            ๒.  หลวงปูคำ            ๓. หลวงปู่แขก           ๔.  หลางปู่สงฆ์  
๕.  หลวงปู่จันทร์        ๖.  หลวงปู่อาจ           ๗.  อาจารย์ชู            ๘.  อาจารย์ครูชัย
๙.  หลวงปู่ หลิน   ชาครธมฺโม  ตั้งแต่  พ.ศ. ๒๕๓๘  -  พ.ศ.๒๕๔๐
๑๐. พระอธิการ ปัญญา  โชติธมฺโม   ( พระครูโชติพุทธิคุณ )     ตั้งแต่  พ.ศ. ๒๕๔๐  -  ถึงปัจจุบัน


(ข้อมูลวัดในปัจจุบัน)
วัดสว่างอารมณ์    ตั้งวัดเมื่อ    พ.ศ. ๒๔๓๗
รหัสวัด  ๐๔๓๔๑๑๐๘๐๐๕    ตั้งอยู่ที่บ้าน  ดอนจิก     เลขที่  ๒๑๗   หมู่ที่  ๓  ตำบลนาพิน  อำเภอตระการพืชผล  จังหวัดอุบลราชธานี   รหัสไปรษณีย์   ๓๔๑๓๐

ที่ดินที่ตั้งวัด    มีเนื้อที่     ๖  ไร่     ๙   ตารางวา
อาณาเขตวัด       
ทิศเหนือ              จด   ทางสาธารณะประโยชน์
ทิศตะวันออก         จด   ที่ว่างเปล่า
ทิศตะวันตก           จด   ทางสาธารณะประโยชน์
ทิศใต้                  จด   ทางสาธารณะประโยชน์

(อาคารเสนาสนะในปัจจุบัน)

อุโบสถ   กว้าง ๖  เมตร     ยาว  ๑๒  เมตร    สร้างเมื่อ  พ.ศ. ๒๕๓๔    เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก

ได้รับวิสุงคามสีมา   เมื่อวันที่  ๒๑    เดือน  มิถุนายน   พ.ศ. ๒๕๓๔

พระประธานประจำอุโบสถ  ปางมารวิชัย        ขนาดหน้าตัก  กว้าง ๒  เมตร    สูง ๓  เมตร

ศาลาการเปรียญ กว้าง ๑๕ เมตร ยาว ๓๐ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๐  เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก

พระประธานประจำศาลาการเปรียญ  ปางมารวิชัย  ขนาดหน้าตัก  กว้าง  ๒ เมตร    สูง ๒.๗๐  เมตร

ศาลาเอนประสงค์  จำนวน  ๑  หลัง      กว้าง  ๙  เมตร     ยาว  ๑๒  เมตร      สร้างเมื่อ  พ.ศ.๒๕๓๖

หอระฆัง   จำนวน  ๒  หลัง            

กุฏิสงฆ์    จำนวน  ๕  หลัง       

โรงครัว    จำนวน  ๑  หลัง

ห้องน้ำ     จำนวน ๑๗  ห้อง

มีศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัด    เปิดสอนเมื่อ  พ.ศ.๒๕๔๒

Google Map Link
กดดู